ข้อมูลพื้นฐาน
1. ข้อมูลพื้นฐานของสถานศึกษา
ชื่อโรงเรียน บ้านปราสาทเยอ
ที่อยู่ หมู่ 2 ตำบลปราสาทเยอ อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ
สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 3
เปิดสอนระดับชั้น อนุบาลปีที่ 2 ถึงระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3
2. ประวัติโรงเรียนพอสังเขป
โรงเรียนบ้านปราสาทเยอ ตั้งเมื่อ พ.ศ.2464 หม่อมหลวงช่วงและขุนสรรพวุฒิ พิสิทธิ์ เป็นผู้ก่อตั้ง มีพระภิกษุมุม บุญโย (หลวงพ่อมุม) ดำรงตำแหน่งครูใหญ่คนแรก ผู้บริหารคนที่ 17 คนปัจจุบันนางประยงค์์ ร่วมจิตร เดิมใช้ศาลาวัดปราสาทเยอเหนือเป็นสถานศึกษา ต่อมาสถานที่เรียนคับแคบจึงย้ายมาสร้างอยู่ที่ดิน สาธารณะประโยชน์ เนื้อที่ 17 ไร่3 งาน 91 ตารางวา อยู่ติดถนนสายศรีสะเกษ– ขุนหาญ เป็นที่ก่อสร้างสถานศึกษาแห่งใหม่ ตั้งอยู่บ้านปราสาทเยอ หมู่ 2 ต.ปราสาทเยอ อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ จัดการศึกษา 3 ช่วงชั้นตั้งแต่ระดับอนุบาล 2 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
3. สภาพชุมชน เศรษฐกิจและสังคม
ประชากรในเขตบริการ ของโรงเรียนบ้านปราสาทเยอมีประชากร รวมทั้งสิ้น 4,498 แยกเป็นชาย จำนวน 2,260 คน และหญิง จำนวน 2,238 คน โดยมีประชากรวัยเรียน (อายุ 4- 17 ปี) ที่อาศัยอยู่ในเขตบริการ จำนวน 614 คน หรือร้อยละ 13.65 ของประชากรทั้งหมด
ลักษณะภูมิประเทศที่ตั้งของโรงเรียนบ้านปราสาทเยอ สามารถสรุปโดยสังเขป ได้ดังนี้
สภาพทางภูมิศาสตร์ของชุมชน บริเวณที่ตั้งบ้านเรียนในชุมชนเป็นที่ดอน บริเวณโดยรอบชุมชนเป็นที่ราบลาดเอียงไปด้านทิศตะวันออก มีลำห้วยสาขาไหลผ่าน 2 สาย ได้แก่ห้วยทา และห้วยตาเหมา สภาพดินเป็นดินร่วนปนทราย เหมาะแก่การประกอบอาชีพเกษตรกรรม
การคมนาคมขนส่ง
ในเขตบริการของโรงเรียนบ้านปราสาทเยอ คมนาคมทางรถยนต์ ตัดผ่านโรงเรียน ปัจจุบันนับว่า สะดวกและรวดเร็วเนื่องจากมีโครงข่ายการคมนาคมสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งประกอบด้วย ถนนพยุห์ขุนหาญ เป็นถนนสาย 211 (ลาดยาง) 2 ช่องทางการจราจร
การเศรษฐกิจ
สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของพื้นที่ภายในเขตบริการของโรงเรียนบ้านปราสาทเยอประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ได้แก่ การทำนาปลูกผัก ปลูกหอมแดง ปลูกยางพารา และการทำสวนผลไม้ การเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ โค กระบือ เป็ด ไก่ ส่วนใหญ่เลี้ยงไว้ใช้งานและบริโภคในครัวเรือน อาชีพเสริมของชุมชน ได้แก่ การรับซื้อ - ขาย ของเก่า (วัสดุที่ไม่ใช้แล้ว) การทอผ้าไหม การจักสาน ผู้ปกครองส่วนใหญ่จบการศึกษาขั้นพื้นฐานประกอบอาชีพเกษตรกรรมและรับซื้อ–ขายของเก่าประชากรส่วนใหญ่มีฐานะทางเศรษฐกิจในระดับปานกลางรายได้โดยเฉลี่ยต่อครอบครัว 20,000 บาท
4. การบริหารจัดการและแนวทางการจัดการศึกษา
วิสัยทัศน์
โรงเรียนบ้านปราสาทเยอ มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ มีเป้าหมายในการดำรงชีวิต มีทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา มีทักษะการใช้เทคโนโลยี ทักษะการคิดเชิงคำนวณ มีทักษะชีวิต เห็นคุณค่าและเชื่อมั่นในศักยภาพความสามารถของตนเองและอนุรักษ์วัฒนธรรมชนเผ่าเยอ เป็นพลเมืองที่ดีต่อบ้านเมือง และดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข
ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดโครงงานฐานวิจัย (RBL) ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียน เรียนรู้ผ่าน
ประสบการณ์และได้ลงมือปฏิบัติจริง ผู้บริหารเป็นผู้นำทางวิชาการ บริหารงานแบบมีส่วนร่วม โดยชุมชนสนับสนุนงบประมาณภูมิปัญญาและแหล่งเรียนรู้
พันธกิจ
1. โรงเรียนบ้านปราสาทเยอจัดการศึกษา เพื่อพัฒนานักเรียนให้มีสรรถนะ มีสุขภาพดีทั้งทางกายและทางใจ น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาชาติ
มีคุณลักษณะความเป็นคนดี คนเก่ง มีความสุข
2. โรงเรียนบ้านปราสาทเยอมุ่งพัฒนา ครูเป็น coach (ผู้ชี้แนะ) สร้างการเรียนรู้ด้วยกระบวนการเรียนรู้โครงงานฐานวิจัย (RBL)
3. โรงเรียนบ้านปราสาทเยอเป็นโรงเรียนนำร่อง นวัตกรรมโครงงานฐานวิจัย ที่เป็นแหล่งเรียนรู้ของสถานศึกษาอื่น
4. ชุมชน องค์กร ภาครัฐ เอกชน และเครือข่าย มีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
เป้าประสงค์
“ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมเพรียงสามัคคี รักษ์วิถีชนเผ่าเยอ”
1. Why: สอดคล้องกับฐานทุน ภูมิสังคมของโรงเรียนซึ่งมีพื้นที่บริเวณกว้าง และมีแหล่งเรียนรู้เกษตร แหล่งท่องเที่ยววัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นในบริเวณใกล้เคียง
2.How: โรงเรียนใช้นวัตกรรมโครงงานฐานวิจัย จัดกระบวนการเรียนรู้โดย ให้ผู้เรียน ปฏิบัติ ลงมือทำงานอย่างมีความสุขเหมาะสมกับช่วงวัย
3.What: นักเรียนเป็นคนรุ่นใหม่ในศตวรรษที่ 21 ที่ร่วมสร้างชุมชนเข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตนเองได้ในทุกสถานการณ์ มีสมรรถนะในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และสร้างประโยชน์ต่อสังคม
เอกลักษณ์
ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม น้อมนำ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เคียงคู่ภูมิปัญญาชนเผ่าเยอ
อัตลักษณ์
เกษตรพอเพียง หล่อเลี้ยงชีวี ตามวิถีชนเผ่าเยอ
ปรัชญาของโรงเรียน
“สุตัง ปัญญายะ วัฒนะนัง” ความรู้เป็นเครื่องพัฒนาปัญญา
ปัญญาเป็นองค์ประกอบหรือคุณสมบัติสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินชีวิตในยุคโซเชียลมีเดีย แห่งการเปลี่ยนแปลงที่ได้นำพานักเรียนก้าวสู่สังคมดิจิตอล การพัฒนาปัญญา เริ่มปฏิบัติไปตามกระบวนการของหลักไตรสิกขาเพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดของชีวิต เริ่มจากหลักศีลสิกขา เพื่อให้เกิดวาจาชอบ การกระทำชอบและการประกอบอาชีพชอบ เป็นกรอบที่กำกับการกระทำกิจกรรมของนักเรียนให้เกิดความเรียบร้อยดีงาม จากนั้นยกขึ้นสู่ ระดับสมาธิสิกขา เพื่อให้จิตมีการพัฒนาความสำนึกให้เกิดความสมดุลระหว่างกายและจิต เป็นกระบวนการเกื้อหนุนให้สิ่งที่รับเข้ามาในชีวิตดำเนินไปด้วยประสิทธิภาพสูงสุด และกระบวนสุดท้ายคือ ปัญญาสิกขา เป็นวิธีการอบรมศึกษาเพื่อให้เกิดวิชาความรู้และปัญญา ซึ่งจะยังผลให้เกิดมีทัศนะความเชื่อ ค่านิยมที่ถูกต้องมีความดำริชอบถือได้ว่า เป็นกระบวนการพัฒนาปัญญาขั้นสูงสุด ที่จะควบคุมตนเองและสภาวะต่างๆ ที่กระทบเข้ามาสู่ชีวิตได้เป็นอย่างดีทำให้ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้นมีจิตใจที่สงบ รู้เท่าทันสภาพของจิตใจของตน โดยไม่ให้ตกเป็นทาสสิ่งที่ยั่วยวนใจ อันจะนำไปสู่ความเสื่อมในชีวิต ทำให้รู้ว่า สิ่งไหนควรทำ สิ่งไหนไม่ควรทำ สิ่งไหนถูก สิ่งไหนไม่ถูก รู้จักหลีกเลี่ยงทางแห่งความเสื่อม และปฏิบัติตนให้อยู่แต่ในสิ่งที่เป็นกุศลธรรมตลอดไป